จริงหรือไม่? บรรจุภัณฑ์อาหารแบบไหนก็ “ทำร้ายโลก”

จริงหรือไม่? บรรจุภัณฑ์อาหารแบบไหนก็ “ทำร้ายโลก”

เวลาเลือกซื้ออาหารตามร้านค้าต่างๆ ล้วนมีบรรจุภัณฑ์หลายชนิดที่ร้านเลือกใช้เพื่อรักษาคุณภาพอาหารให้สะอาด แต่บรรจุภัณฑ์พลาสติกมักถูกมองว่าเป็นตัวร้ายที่ทำให้โลกร้อนอยู่เสมอ มันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่?

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าปัญหาขยะพลาสติกเป็นหนึ่งในสาเหตุโลกร้อน หลายหน่วยงานทั่วโลกต่างก็รณรงค์ให้เลิกใช้ คำถามคือการใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นจะดีต่อโลกมากกว่าจริงหรือ?

มาลองเปรียบเทียบกันดูว่าบรรจุภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่ใช้วัสดุอะไรบ้าง

  • พลาสติก 

เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมานานแล้ว เพราะมีราคาถูก น้ำหนักเบา บรรจุอาหารได้หลากหลายประเภททั้งร้อนและเย็น และช่วยให้อาหารยังคงความสะอาดอยู่ตลอด โดยเฉพาะอาหารสดที่ต้องการการปกป้องแบบมิดชิด แต่ปัญหาคือการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกยังก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมในปริมาณสูงมาก การผลิตพลาสติกทุก 1 กิโลกรัม มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศสูงถึง 3.5 กิโลกรัม และปลายทางสุดท้ายของบรรจุภัณฑ์พลาสติกมักจะกลายเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก กลายเป็นไมโครพลาสติกปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ระดับโลกในตอนนี้

  • แก้ว

เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง เหมาะสำหรับรักษาความชื้นในอาหาร นำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่าย แต่ไม่ได้รับความนิยมเหมือนพลาสติก เพราะมีน้ำหนักเยอะ เทอะทะ แตกหักง่าย และมีต้นทุนการขนส่งแพงกว่า ทำให้พลาสติกยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแก้ว

  • อะลูมิเนียม

อีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ปกป้องอาหารได้ดี อย่างเช่นกระดาษฟอยล์  มีน้ำหนักเบา แต่ใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปี และรีไซเคิลได้ยากมาก เพราะการรีไซเคิลอลูมิเนียมต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน ส่วนใหญ่นิยมเอามาทำถุงขนมขบเคี้ยวมากกว่าบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมทาน

  • กระดาษ

เมื่อก่อนไม่ใช่บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม จนกระทั่งกระแสรักโลกเริ่มได้รับการตระหนักรู้ในสังคม ร้านค้าหลายร้านโดยเฉพาะร้านอาหารก็หันมาใช้ถ้วยกระดาษมากขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ย่อยสลายง่ายกว่าพลาสติก ต่อให้ถูกทิ้งเป็นขยะก็มีผลกระทบน้อยกว่า แต่น่าเสียดายที่กระดาษเหล่านี้ไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และไม่ควรเด็ดขาด เพราะมีโอกาสที่จะทำให้สารเคมีจากกระดาษไปปนเปื้อนในอาหารได้ ในบางครั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษก็ใช้พลังงานในการผลิตมากกว่าพลาสติกได้ถึง 3 เท่า และมีน้ำเสียปล่อยทิ้งเป็นจำนวนมาก แต่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถนำน้ำเสียเหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่ได้แล้ว

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แบบนี้จะใช้อะไรใส่อาหารได้บ้าง

ปัญหาที่แท้จริงของวัสดุแต่ละชนิด ไม่ใช่เพราะมันถูกนำมาใส่อาหาร แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นขยะทั้งๆที่เพิ่งถูกใช้งานไปได้แค่ครั้งเดียว

เพราะฉะนั้นทางออกของเรื่องนี้ คือการหลีกเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่หากมันยุ่งยากต่อชีวิตเกินไป ก็ลองทำให้วัสดุเหล่านั้นมันกลายเป็นขยะให้ช้าที่สุด อย่างถุงพลาสติกหรือกล่องพลาสติกบางชนิดสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ในบางจุดประสงค์ หรือถ้าถึงเวลาต้องทิ้ง ก็แยกทิ้งให้ถูกถัง โดยเฉพาะชิ้นที่ควรจะใส่ถังรีไซเคิลเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้นำไปวนกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เท่านี้ก็ถือว่ามีความรับผิดชอบต่อโลกนี้เท่าที่จะพอทำได้แล้ว

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.

This website uses cookies to improve user experience. By using our website you consent to all cookies in accordance with our privacy policy. เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Performance

    Performance cookies are used to see how visitors use the website, eg. analytics cookies. Those cookies cannot be used to directly identify a certain visitor.

บันทึกการตั้งค่า